ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงรายเขต 1 พบเพื่อนครู


นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ “เด็กรักครู-ครูรักเด็ก” เป็นหัวใจการปฏิรูปการศึกษา



เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2559 สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ศูนย์จิตวิทยาศึกษา มูลนิธิยุวสถิรคุณ และมหาวิทยาลัยนเรศวร(มน.) จัดการประชุมพัฒนาทีมโค้ชคุณภาพ ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนต่อเนื่อง (SQIP) เพื่อบูรณาการงานวิจัยสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเชิงระบบ โดยได้รับเกียรติจาก นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) บรรยายพิเศษในหัวข้อ "แนวคิดGrowth Mindsetและแนวทางการขยายผลสู่สถานศึกษา" พร้อมเผยแนวคิดปฏิรูปการศึกษาด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริฯ "ทำให้เด็กรักครูและครูรักเด็ก" มาใช้พร้อมเล็งปฏิรูปการจัดการเรียนการสอนใหม่ด้วย "WHY" สอนคนให้ติดตั้งคำถาม ฝันอยากเห็นภาพเด็กไทยตื่นนอนแล้วอยากไปโรงเรียน ได้เรียนรู้อย่างสนุกและมีความสุข ไม่มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในทุกมิติ
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของผู้ที่มีความตั้งใจที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับแวดวงการศึกษาด้วยการศึกษาวิจัยและทดลองแนวทางบางอย่างเพื่อที่จะขยายผลไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศ ซึ่งตรงกับข้อมูลของศ.John Hattie ที่พบว่าไม่มีเรื่องใดในวงการศึกษาที่ถูกออกแบบหรือทำขึ้นมาแล้วมีผลร้ายกับเด็ก เพียงแต่ว่าไม่มีเรื่องใดที่ทำแล้วคุ้มค่าและเกิดผลลัพธ์มากที่สุดเท่ากับการ"พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและครู" ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"ทำให้เด็กรักครู และทำให้ครูรักเด็ก" ที่ส่งผลต่อคุณภาพการเรียนการสอนและคุณภาพการศึกษามากที่สุด
.
"การปฏิรูปเชิงระบบนั้นแม้จะมีผลดี แต่ก็ไม่ส่งผลไปถึงตัวเด็กได้อย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับผลที่ได้จากการพัฒนาครูและเด็กที่จะส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงที่มากกว่า วันนี้ผมอยากเห็นเด็กไทยตื่นเช้าขึ้นมาแล้วอยากไปโรงเรียน ไปเรียนแล้วสนุก ไปเจอคุณครูที่สอนแล้วเขามีความสุข ครูรู้จักเด็ก ครูใหญ่ก็รู้จักเด็ก แต่การปฏิรูปทั้งหมดเรามักจะลืมตรงนี้ไปเน้นไปที่ครู เน้นที่โครงสร้างหลักสูตรการเรียนการสอน แต่ไม่ได้นึกถึงเด็ก
.
ซึ่งการปฏิรูปการศึกษาที่แท้จริงและจะประสบความสำเร็จได้นั้นจะเกิดขึ้นจากสองเรื่องคือการมีครูที่กระตือรือร้นที่จะสอน และการมีเด็กที่กระตือรือร้นที่จะเรียน โดยจะต้องเกิดจากที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีGrowth Mindsetโดยครูจะต้องสอนให้คนคิดและรู้จักที่จะตั้งคำถาม เด็กต้องเรียนรู้ที่จะต้องชอบถามดังนั้นGrowth Mindsetหรือจะเรียกว่าLearning mindsetคือการเรียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดังนั้นการปฏิรูปการศึกษาก็คือทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับทั้งครูและเด็ก ควบคู่ไปกับการพัฒนาให้เกิดสถานศึกษาที่จัดให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี ซึ่งจะหมายถึงคุณภาพการศึกษาที่แท้จริง"รมว.ศธ.กล่าว
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทวงศึกษาธิการ ยังระบุอีกว่าจากผลการทดสอบOnetคณิตศาสตร์ล่าสุดนั้นเมื่อเทียบกับช่วง10ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นว่าเด็กไทยยังมีทักษะพื้นฐานที่ไม่ดี รวมไปถึงผลคะแนนPISAซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาการศึกษาที่ไม่ถูกต้องมาตลอด เพราะPISAสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนที่มีผลคะแนนต่ำซึ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนขยายโอกาส
.
"ถ้าเราจะแก้ไขPISAได้จะต้องให้ยาเฉพาะเจาะจง เพราะวันนี้ครูผู้สอนในโรงเรียนเหล่านี้ยังขาด และไม่มีครูเฉพาะทางเฉพาะสาขา ประเทศที่เรามองว่ามีการศึกษาที่ดีอย่างฟินแลนด์หรือสิงคโปร์นั้นเราต้องไม่ดูผลลัพธ์ว่าเขาทำอะไรในวันนี้ แต่ต้องมองย้อนหลังกลับไป10-15ปี จะเห็นว่าเขาแก้ไขเรื่องของความเท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ว่าจะไปดูแต่เรื่องของการพัฒนาหลักสูตร แม้หลักสูตรจะเป็นสิ่งจำเป็นแต่การนำหลักสูตรไปใช้ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ วันนี้ครูของเราควรที่จะต้องมีคุณสมบัติ2คำคือWork HardและBe Niceครูที่ทำงานหนักทั้งปริมาณและคุณภาพควรได้รับการตอบแทน ไม่ใช่ทำวิทยานิพนธ์หรือทำผลงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะกลับไปสู่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็กดังพระราชดำรัสฯ ทำให้เด็กรักครู ครูรักเด็ก ซึ่งจะต้องทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อน จึงจะสามารถปฏิรูปการศึกษาได้สำเร็จ"นพ.ธีระเกียรติระบุ
ประชาสัมพันธ์ สพป.เชียงราย เขต1 (127.0.0.*) [ วันพฤหัสบดี ที่ 22 ธันวาคม 2559 เวลา 08:16 น. ]


[ ปิดหน้าต่างนี้ ]